ปลาสลิด
ปลาสลิด
ปลาสลิดเป็นปลาน้ำจืดพื้นบ้านของประเทศไทย ซึ่งมีแหล่งกำเนิดอยู่ในลุ่มภาคกลาง มีรูปร่างลักษณะคล้ายปลากระดี่หม้อแต่ขนาดโตกว่า ปัจจุบันปลาชนิดนนี้เป็นที่นิยมรับประทาน ในรูปของปลาสลิดแดดเดียว ซึ่งแหล่งผลิตและแปรรูปที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก คือ อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ
คุณประวิง แดงโชติ เป็นคนที่รักในอาชีพเกษตรกรรม พยายามพัฒนารูปแบบการทำการเกษตรต่างๆ โดยเฉพาะการเพาะเลี้ยงปลา ซึ่งหลังจากออกมาสร้างครอบครัว คุณประวิงได้มายึดอาชีพ และเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ อยู่ที่บ้านเลขที่ 579 หมู่ 7 ตำบลวังนกแอ่น อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก
คุณประวิง เล่าให้ฟังว่า ตัวเองเป็นคนชอบที่ชอบจับสัตว์น้ำ แต่ละวันจะออกไปจับสัตว์น้ำตามแม่น้ำและคลองต่างๆ ขึ้นมาจำหน่ายและนำมาปรุงเป็นอาหาร ซึ่งแต่ละครั้งการออกไปจับสัตว์น้ำตามแหล่งน้ำธรรมชาติ ค่อนข้างที่จะเหนื่อยและลำบาก ตนจึงมีแนวความคิดที่จะเลี้ยงเองโดยที่ไม่ต้องไปรบกวนสัตว์น้ำธรรมชาติที่นับวันจะยิ่งลดน้อยลงไป
“ด้วยสภาพแวดล้อมและพื้นที่ที่ผมมีอยู่เพียง 2 ไร่ จะเลี้ยงใหญ่ๆแบบคนอื่นเขาก็ยาก อีกอย่างเงินลงทุนก็มีไม่มากพอ แรกๆ ผมเลยเลี้ยงปลาดุกในบ่อพลาสติก แต่ก็เลี้ยงมาได้ระยะหนึ่ง บ่อเกิดชำรุด ใช้งานได้เพียง 1 ปี การจับแต่ละครั้งก็ค่อนข้างจะลำบาก อีกทั้งยังมีข้อจำกัดในเรื่องของอาหารที่ให้ในแต่ละวัน หากให้น้อยเกินไปปลาก็จะไม่เจริญเติบโตได้ขนาด ให้มากไปต้นทุนด้านอาหารก็จะเพิ่มสูงขึ้น ทำให้เราไม่สามารถควบคุมต้นทุนการผลิตได้ จากนั้นก็เปลี่ยนมาเพาะเลี้ยงกบในบ่อปูนซีเมนต์แทน ซึ่งแต่ละวันสามารถจับกบขายได้วันละ 10 กก. แต่ก็ทำมาได้ระยะสั้นๆ ต้องมีปัญหาเรื่องราคาขาย ต้องกลับมาเพาะเลี้ยงปลาอีกครั้งหนึ่ง แต่การกลับมาเลี้ยงปลาครั้งนี้ ผมได้เลือกชนิดปลาที่ใช้เงินลงทุนน้อย มีการดูแลที่ไม่ยาก ได้กำไรคุ้มค่าและสามารถเลี้ยงในบ่อปูนซีเมนต์ที่เป็นบ่อเพาะเลี้ยงกบเดิมได้”
คุณประวิง ใช้เวลาศึกษาและคัดเลือกปลาชนิดใหม่ พร้อมกับปรับเปลี่ยนรูปแบบการเลี้ยงให้เข้ากับพื้นที่และสภาพแวดล้อมอยู่ 3 ปี จนกระทั่งได้ปลาที่ตรงกับความต้องการและเหมาะสมกับสภาพบ่อเพาะเลี้ยงเดิมที่เตรียมไว้ อีกทั้งยังสามารถสร้างรายได้เข้ามาใช้จ่ายในครอบครัวได้ตลอดทั้งปี ซึ่งปลาที่ว่า คือ ปลาสลิด
เหตุผลที่คุณประวิงเลือกปลาสลิด ก็เพาะว่าเป็นปลาที่ เลี้ยงง่าย กินน้อย ลงทุนครั้งเดียวสามารถต่อยอดได้ตลอดทั้งปี อีกทั้งพื้นที่เพาะเลี้ยงไม่จำเป็นต้องอยู่ใกล้กับแหล่งน้ำธรรมชาติเหมือนกับการเลี้ยงในบ่อดินขนาดใหญ่ พื้นที่เล็ก หรือในบ่อปูนซีเมนต์ก็ทำได้ ช่วยลดพลังงานในการที่จะนำมาใช้ได้มาก
“ผมปรับบ่อเพาะเลี้ยงกบซึ่งเป็นบ่อปูนซีเมนต์ที่สร้างอยู่ติดกับตัวบ้าน ใช้ทำบ่อเพาะเลี้ยง เนื่องจาก พื้นที่เพาะเลี้ยงเราอยู่ห่างจากแหล่งน้ำมาก การหาน้ำมาใช้เพาะเลี้ยงจึงค่อนข้างยาก การประยุกต์ใช้บ่อปูนซีเมนต์ที่สร้างอยู่ติดกับตัวบ้านทำเป็นบ่อเลี้ยง โดยอาศัยหลังคาบ้านเป็นตัวรวบรวมน้ำฝนที่ตกลงมาในช่วงหน้าฤดูฝนลงมายังบ่อเพาะเลี้ยงทำให้ผมไม่เดือนร้อนเรื่องน้ำ เพราะ 1 ปี ถ่ายน้ำเพียง 1 ครั้งเท่านั้นสำหรับการเลี้ยงปลาสลิด
บ่อเพาะเลี้ยง จะใช้บ่อที่มีความสูงประมาณ 60 เซนติเมตร ความกว้างขึ้นอยู่กับขนาดของพื้นที่ ก้นบ่อเลี้ยงจะรองด้วยดินและมูลควาย หมักทิ้งไว้ประมาณ 10 วัน จากนั้นปล่อยน้ำเข้าประมาณ 40-50 เซนติเมตร(ครั้งแรกที่เริ่มเลี้ยง) พอบ่อเพาะเลี้ยงพร้อม ก็นำพ่อแม่พันธุ์จำนวน 1 กิโลกรัมมาปล่อยในบ่อ
แต่ละวันจะให้อาหารเม็ด วันละ 1 มื้อ (08.00-09.00)เนื่องจากภายในบ่อเราสร้างระบบธรรมชาติโดยการทำปุ๋ยหมักให้เกิดไรแดง พร้อมกับปลูกพรรณไม้น้ำเพื่อช่วยบำบัดน้ำและเป็นอาหารของปลาอีกทางหนึ่งเพื่อช่วยลดต้นทุนด้านอาหาร
การเลี้ยงปลาสลิดในบ่อปูนซีเมนต์ คุณประวิง บอกว่า เป็นการเลี้ยงที่ไม่มีความเสี่ยงอะไร สามารถควบคุมได้ ทั้งอาหาร อัตราการรอดที่มีมากถึง 100 เปอร์เซ็นต์ ที่สำคัญศัตรูธรรมชาติก็ไม่สามารถเข้ามาทำลายได้ การจับจำหน่ายก็ทำได้ง่าย แต่เมื่อเลี้ยงไประยะหนึ่ง ปลาที่ปล่อยจะขยายพันธุ์ ทำให้ประชากรในน้ำมีเพิ่มมากขึ้น หากปล่อยไว้ก็จะทำให้น้ำเสีย ต้องควบคุมจำนวนประชากรให้เหมาะสมกับขนาดบ่อเลี้ยง
“การเลี้ยงปลาสลิด ต้องใช้ระยะเวลาเลี้ยงนานพอสมควรกว่าจะจับขายได้ ซึ่งโดยทั่วไปจะอยู่ประมาณ 8 -10 เดือน ทำให้ในระหว่างนั้นจะมีประชากรปลาที่เกิดใหม่ขึ้น หากปล่อยเลี้ยงไว้ในบ่อก็จะทำให้น้ำเสียเร็วขึ้น ปลาใหญ่แย่งอาหารปลาเล็ก ดังนั้นพอปลาใหญ่ว่างไข่และให้ลูกแล้ว ผมจะเริ่มจับปลาใหญ่ขายไปและเพาะเลี้ยงปลาเล็กที่เกิดใหม่เป็นรุ่นต่อไปในบ่อเลี้ยงเดิม โดยที่ไม่ต้องล้างหรือทำความสะอาดบ่อใหม่ อาศัยการเติมน้ำในช่วงฤดูฝนครั้งละ 1 ปี เท่านั้น แต่ด้วยปริมาณลูกปลาที่เกิดมาแต่ละครั้งค่อนข้างเยอะ จะเลี้ยงในบ่อเดียวไม่ได้ จึงแยกไปเลี้ยงให้เหมาะสมกับขนาดบ่อที่เลี้ยง”
ปัจจุบัน คุณประวิง มีบ่อเพาะเลี้ยงปลาสลิดทั้งหมด 6 บ่อ มีระบบการดูแลโดยอาศัยธรรมชาติเป็นหลัก ทำให้การเจริญเติบโตของปลาเร็วกว่าที่เลี้ยงแบบปล่อยทั่วไป (10-12 ตัว/1 กิโลกรัม) มีเนื้อที่ฟู ไม่มีไขมัน ตัวไม่รีบ รสชาติอร่อยกว่าปลาทั่วไป
ทุกๆเดือน คุณประวิง มีปลาสลิดออกจำหน่ายในรูปแบบปลาสดและแปรรูปปลาแดดเดียวจำหน่ายในราคากิโลกรัมละ 120 (ปลาเป็น) 140 (ปลาแดดเดียว)
สำหรับท่านใดที่สนใจ อยากจะทำเป็นอาชีพเสริมแต่พื้นที่หรือสภาพแวดล้อมไม่เอื่ออำนวย สามารถสอบถามไปยังคุณประวิง แดงโชติ โทรศัพท์ (087)843-0255
ที่มาhttps://farmerspace.co/20180202-2/
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น